เปลี่ยนจุดอ่อนเป็นจุดแข็ง เพื่อจะเป็นคน Introvert ที่ประสบความสำเร็จ

Worawisut Pinyoyang
Worawisut Pinyoyang
เปลี่ยนจุดอ่อนเป็นจุดแข็ง เพื่อจะเป็นคน Introvert ที่ประสบความสำเร็จ

จากหนังสือ The Introvert Entrepreneur

เปลี่ยนจุดอ่อนเป็นจุดแข็ง เพื่อจะเป็นคน Introvert ที่ประสบความสำเร็จ

มีผู้บริหารหลายคนในองค์กร ชื่นชอบลูกน้องที่พูดเก่ง present เก่ง

คนเหล่านี้มักเติบโตเร็วในองค์กร เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ชอบ

คนทั่วไปที่พูดเก่ง present เก่ง มักจะเป็นบุคคลที่ถูกยกให้เป็นคนเก่ง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง

กลายเป็นค่านิยมอย่างหนึ่งในสังคมว่า ต้องมีบุคลิกและนิสัยแบบ "Extrovert" คือ พูดเก่ง present เก่ง ต้องหมั่นออกงานสังคม คุยกับคนเยอะๆ รู้จักคนเยอะๆ จึงจะประสบความสำเร็จทั้งในหน้าที่การงานและธุรกิจ

เดือดร้อนมาถึงคนประเภท “Introvert” ที่ต้องฝืนใจ ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เช่น ต้องหัดพูดให้เก่ง หัดโปรโมทตัวเอง ฝืนทำตัวให้เข้าสังคม

เพราะจะถูกตราหน้าว่าเป็นพวก "คนเก็บเนื้อเก็บตัว" "โลกส่วนตัวสูง" "ขาดความมั่นใจ" และถูกมองว่าไม่ประสบความสำเร็จ เป็นคนไม่เก่งไป

The Introvert Entrepreneur

แต่ความเข้าใจเหล่านี้ เป็นมุมมองเพียงด้านเดียว
คนประเภท Introvert ก็เก่ง และประสบความสำเร็จได้ไม่น้อยไปกว่าคนประเภท Extrovert เลย
ขอตัวอย่าง คน Introvert ในหลากหลายวงการ

1. แวดวงธุรกิจและเทคโนโลยี เช่น
- Warren Buffet, Bill Gates, Mark Zuckerberg, Larry Page (ผู้ก่อตั้ง Google),
- Jeff Bezos (ผู้ก่อตั้ง Amazon), Elon Musk,
- Sundar Pichai (CEO ของ Google), Satya Nadella (CEO ของ Microsoft), Tim Cook (CEO ของ Apple)


2. แวดวงการเมือง เช่น
- Barack Obama, Al Gore, Hilary Clinton, Abraham Lincoln, Mahatma Gandhi

3. นักเขียน อย่าง J.K. Rowling ผู้แต่งเรื่อง Harry Potter

4. นักกีฬา อย่าง Michael Jordan, Kobe Bryant, Tiger Woods

อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า คนอย่าง Barack Obama และ Hilary Clinton เป็นคน Introvert จริงเหรอ เพราะทั้งคู่ต่างเป็นนักการเมืองที่พูดเก่งมากๆ

ทั้งสองคน เป็นคน Introvert มาตั้งแต่เกิด จนโต

ลักษณะนิสัยส่วนตัว คือ เก็บเนื้อเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร มีกลุ่มเพื่อนสนิทไม่กี่คน ไม่ชอบออกงานสังสรรค์ และไม่ชอบอยู่ในสถานที่ที่มีคนเยอะๆ

เช่นเดียวกับ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท เทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อย่าง FAANG ไม่ได้เป็นคนที่ชอบพูดคุย ชอบแสดงออก ชอบโปรโมทตัวเอง

แต่เป็นคนเงียบๆ สุขุมลุ่มลึก ชอบรับฟัง

ด้วยบทบาทของ leader ทุกคนก็สามารถขึ้นเวทีพูด Keynote สำคัญๆได้ พูดขายของได้ เจรจาธุรกิจได้ และทำได้ดีด้วย

เห็นมั้ยครับว่าคน Introvert เป็นได้ทั้งนักการเมืองระดับโลก เป็นผู้บริหารระดับสูง ของบริษัทยักษ์ใหญ่ เป็นนักเขียน นักกีฬาที่เก่งและมีชื่อเสียงในระดับโลก

คนเหล่านี้ เค้าทำได้อย่างไร?…

ก่อนอื่น ต้องรู้ก่อนว่า จุดแข็งของคน Introvert คือ

  • มีโฟกัสและความเข้าใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบลึกๆ
  • มีความสามารถในการฟังและเข้าใจสูงกว่า Extrovert เพราะจะฟังมากกว่าพูด
  • คิดเยอะ ก่อนจะพูดอะไรออกมา
  • ชอบเขียนมากกว่าพูด (ใครเป็นเหมือนกันบ้าง โปรมือถือมีซัก 600 นาทีต่อเดือน แต่ใช้ไปหลักสิบนาที การสื่อสารหลักคือไลน์และอะไรก็ตามที่เป็นการเขียน)
  • แม้จะ networking ไม่เก่ง แต่รู้ว่าควรจะคุยกับใคร เข้าหายังไงเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
  • มีทักษะการค้นคว้าวิจัยที่สูง ทำรายงาน หาข้อมูล นี่เก่งเป็นพิเศษ
  • มีความใจเย็น นิ่ง ในสถานการณ์ยากลำบาก
  • มีเพื่อนไม่มากแต่จะสนิทแบบลึกซึ้ง

คุณสมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นจุดแข็งของคน Introvert ที่แตกต่างจากคน Extrovert

ถ้าได้ฝึกฝนทักษะสำคัญบางอย่างเพิ่มเติมให้แข็งแรงกว่าเดิมแล้วล่ะก็ …

ปังแน่นอน

Finding Your Voice สำหรับเจ้าของกิจการ ทั้ง Introvert และ Extrovert

ก่อนที่จะเริ่มต้นฝึกทักษะที่จำเป็นสำหรับคน Introvert ในการทำธุรกิจให้สำเร็จ คือ การกลับมาตั้งต้นคิดในสิ่งที่สำคัญเหล่านี้

การหา Value หรือสิ่งที่เราให้คุณค่า,
Purpose (จุดประสงค์ของการทำ ว่าเราจะทำไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร),
Goal (เป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง) และ
Vision (วิสัยทัศน์ของสิ่งที่ทำอยู่)

ทั้ง 4 ข้อ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการหาธุรกิจที่สอดคล้องและเหมาะสมกับตัวตนของเรา

ทักษะที่สำคัญในการช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ คือ

  • ต้องเก่งในการสร้างเครือข่าย (Networking)
  • โปรโมทตัวเองเก่ง (Self-promotion)
  • การทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี (Good collaboration)
  • 3 ทักษะนี้ เป็นทักษะที่สำคัญ จำเป็นต้องมีและคน Introvert กลับไม่ถนัดทักษะที่ว่านี้เท่าไหร่นัก

    แต่มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าอยากประสบความสำเร็จ

    คำถามคือ จะจัดการอย่างไร และพัฒนาทักษะทั้ง 3 ข้อนี้ยังไงบ้าง?

    วิธีการที่ใช้ในการสร้างทักษะทั้ง 3 ข้อ คือ
  • Energy Management (การบริหารพลังงาน)
  • Role Management (การจัดการกับบทบาท) และ
  • Activity Planning (การวางแผนสำหรับกิจกรรมต่างๆ)

    เราจะไปกันทีละเรื่อง

Self-Promotion (การโปรโมทด้วยตัวเอง)

เป็นเรื่องสำคัญมากในการ บอกให้โลกรู้ว่า เราทำอะไร ทำสิ่งนี้ไปทำไม มีเป้าหมายอะไรบ้าง ก่อนที่คนจะอุดหนุนสินค้าและบริการของเรา ลงทุนในบริษัทหรือตัวเรา คนจะต้องเชื่อมั่น เชื่อใจ ในตัวเราก่อน และเค้าจะรู้จักสินค้าและบริการของเราได้ ก็จากการที่เราโปรโมทและพูดถึงมัน แต่คน Introvert มักจะเขินๆที่จะต้องพูดโปรโมทอะไรที่เกี่ยวกับตัวเองเยอะๆ เครื่องมือที่สำคัญสุดๆ คือ การใช้โซเชียลมีเดียนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ บลอก ที่เขียน สเตตัสบน Facebook ฝึกเขียนให้เก่ง หัดเล่าเรื่องให้หลากหลาย เพื่อใช้เป็นอาวุธสำคัญในการใช้ทำธุรกิจ

Networking

การไปงาน Networking เป็นเรื่องที่น่าเบื่อและน่ากลัวสำหรับ Introvert หลายๆคน (รวมถึงตัวผมเองด้วย)

เพราะธรรมชาติของพวกเรา จะไม่ชอบสุงสิงกับใคร ไปก็ไม่รู้จะคุยอะไร ต้องฝืนทำตัวบางอย่างที่คน Introvert ไม่อยากทำ เช่น การยิ้มทักทาย พูดคุยกับคนแปลกหน้า การเป็นจุดสนใจ

และถ้าต้องไปงานที่เราไม่รู้จักใครเลย เราจะอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง

เทคนิคน่าสนใจ สำหรับคน Introvert เวลาต้องไปร่วมงาน Networking เช่น

  • ตั้งเวลาในการผ่อนคลาย ให้รีแลกซ์ ทั้งช่วงก่อนงานเริ่ม ระหว่างงาน และหลังจบงาน เพื่อชาร์จพลังจากการเจอผู้คน
  • วางแผนล่วงหน้า ว่าจะพูดอะไรกับใครบ้าง และจะพูดอย่างไร ถ้าเจอเพื่อน เจอคนรู้จัก คนที่เราไม่รู้จักเค้า แต่เค้ารู้จักเรา และคนที่แปลกหน้ากันเลย
  • คิด Scenario ต่างๆที่จะเจอในงาน ว่าจะต้องพูดยังไงในแต่ละสถานการณ์
  • แสดงออกด้วยความสงสัยใครรู้ ตั้งใจรับฟังคู่สนทนา สังเกตสิ่งต่างๆในงาน เพื่อหยิบมาใช้เป็นบทสนทนาได้
  • สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในงานคือ คน Introvert จะรู้สึก uncomfortable และมักจะสิงสถิตอยู่ที่ มุมใดมุมหนึ่งของสถานที่จัดงาน สิ่งที่ต้องทำ คือ การตั้งเป้าหมายเล็กๆในการเจอคนแต่ละคน เช่น การแนะนำตัวเอง และการฟังว่าเค้าเป็นใคร เพียงเท่านี้ เราก็จะมีเป้าหมายในการพูดคุยแล้ว

สำหรับคนที่ต้องการสานต่อความสัมพันธ์ ก็อาจจะแลกนามบัตรกันไว้ และส่งอีเมล์ไปหา
โดยอาจจะบอกว่า มีไอเดียหรือเรื่องน่าสนใจที่เพิ่งนึกได้หลังจากที่ได้คุยกันในงาน หรือจะส่งบทความน่าสนใจที่คิดว่าเป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับงานเค้าไปเค้าอ่าน

Energy Management

ไม่ว่าจะเป็นการตลาดหรือหาพาร์ทเนอร์ธุรกิจ ต้องใช้ทักษะการเข้าสังคม มีตติ้ง พบปะผู้คนและการโปรโมทตัวเอง ที่ค่อนข้างดูดพลังคน Introvert ทั้งนั้น

เราจึงต้องวางแผนระหว่างวันให้ดีๆ เพื่อให้ฟื้นฟูพลังและชาร์จแบตเตอรี่จากกิจกรรมดูดพลัง
เพราะคน Introvert จะสูญเสียพลังถ้าต้องเจอคนเยอะ
แต่จะได้พลังกลับคืนมา เมื่อได้อยู่เงียบๆคนเดียวกับตัวเองซักพัก

ใกล้หมดพลังเมื่อไหร่ หาเวลาในการชาร์จกลับมา จะเดินไปชงกาแฟ นั่งอยู่นิ่งๆซักพัก หรือ ออกไปเดินเล่นนอกออฟฟิศซัก 10-15 นาที ก็จะช่วยให้พลังงานกลับมาพร้อม สำหรับกิจกรรมอื่นๆต่อไป

สรุป (Summary)

แม้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จ ต้องเป็นคนที่พูดเก่ง พรีเซนต์เก่ง เข้าสังคมเก่ง ซึ่งเป็นคุณลักษณะของคนที่เป็น Extrovert

แต่คน Introvert สามารถเก่งในทักษะเหล่านี้ได้ด้วยการฝึกฝนและใช้เทคนิคเฉพาะที่แตกต่างออกไป

เราไม่จำเป็นต้องฝืนความรู้สึกในการพยายามเป็น Extrovert แค่เราต้องรู้จักใช้วิธีการที่เหมาะกับเรา ในการบรรลุเป้าหมายแบบเดียวกัน

แค่นี้เราก็เป็นคน Introvert ที่ประสบความสำเร็จในงาน และในธุรกิจได้

Sidenote

- เขียนจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เป็นคนโคตรจะ Introvert
และเทคนิคบางส่วน ผมหยิบมาจากหนังสือ The Introvert Entrepreneur (Beth Buelow) และ
Quiet : The Power of Introverts in a world that can’t stop talking (Susan Cain)

- ในไทย คนที่ผมรู้ว่าเป็นคน Introvert แน่ๆ คือ พี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ (เจ้าของเพจ เขียนไว้ให้เธอ)

ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสนั่งร่วมโต๊ะกับแกในงานแต่งงานงานนึง

เราสองคน ก็ไม่ได้รู้จักคนอื่นในงานเท่าไหร่

ก็มานั่งเงียบๆ คุยกันเอง และหลายครั้งผมเห็นพี่โจ้นั่งกดโทรศัพท์เล่น

เป็นอาการเดียวกับผม ที่เป็น Introvert ขั้นสุด ...เป๊ะ

แต่เราก็รู้กันดีนะครับว่า พี่โจ้ ธนา เป็นคนที่พูดบนเวทีเก่ง พูดออกสื่อสนุก และมีทักษะการเล่าเรื่องที่ดีมากๆ

ด้วยความช่างสังเกตุ จดจำ ใส่ใจรายละเอียด (จุดแข็งของคน Introvert)
พี่โจ้ เลยมีเรื่องต่างๆมาเล่าให้ฟังเยอะแยะมากมาย

เคล็ดลับของพี่โจ้ คือ ต้องฝึกเยอะๆ ทำอะไรที่ไม่ชอบบ้าง ออกนอก Comfort zone บ้าง คน Introvert ก็พูดเก่ง บรรยายเก่งได้



Great! Next, complete checkout for full access to The Readify
Welcome back! You've successfully signed in
You've successfully subscribed to The Readify
Success! Your account is fully activated, you now have access to all content
Success! Your billing info has been updated
Your billing was not updated